ผู้ผลิตทั่วโลกต่างกำลังเผชิญหน้ากับการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ตั้งแต่ปี 2020 ที่ถือเป็นความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งได้มีการปิดโรงงานทั้งหมดหรือบางส่วน เพื่อลดจำนวนทีมงานหรือพนักงานในสถานที่ทำงานลง ให้เหลือเฉพาะผู้ปฏิบัติงานที่จำเป็นที่สุด ซึ่งอาจแบ่งการทำงานเป็นคนละช่วงเวลากันในโรงงาน หรือแม้แต่การทำงานในส่วนต่างๆ เช่น การขาย การตลาด หรือการวิจัยและพัฒนา ที่อาจถูกเปลี่ยนมาเป็นการทำงานจากที่บ้านแทน
แต่สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตนั้นไม่เหมือนกับอุตสาหกรรมอื่นๆ สถานที่เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ โดยในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ผู้จัดการโรงงานต่างมีความจำเป็นที่ต้องดำเนินการผลิตต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการผลิตเพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพจำนวนมาก เช่น อุปกรณ์ช่วยหายใจ ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เช่น หน้ากาก ถุงมือ ชุดคลุม ล้วนเป็นที่ต้องการสูงนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
ซึ่งการผลิตทั่วโลกยังคงต้องหาวิธีการผลิตผลิตภัณฑ์ต่อไป เพื่อช่วยให้โลกรอดพ้นจากวิกฤตนี้
โดยในระยะยาว ความต่อเนื่องและความยืดหยุ่นในการผลิตเป็นสิ่งที่สำคัญ ช่วงเวลาที่ความปลอดภัยและประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่ง collaborative robot สามารถทำงานในลักษณะซ้ำซาก จำเจ แทนมนุษย์ได้
Cobot กับการทำงานแบบ New Normal
วิธีเดียวที่สามารถทำให้การผลิตดำเนินต่อไปได้อย่างปลอดภัย ในที่ต้องลดจำนวนของพนักงานในสายการผลิตลง คือการทำให้กระบวนการบางอย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติด้วยการนำ Cobot (collaborative robots) เข้ามาใช้งาน
ในปี 2018 โคบอทคิดเป็นสัดส่วนเพียง 3% ของการซื้อหุ่นยนต์ไปใช้งานทั่วโลก และยังคงถูกมองว่าเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะด้านในการผลิต ซึ่งการศึกษาแนวโน้มหุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมโดย Loup Ventures คาดการณ์ว่าตลาดโคบอททั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 9 พันล้านดอลลาร์ในปี 2568 ในขณะที่อัตราการขนส่งโคบอทจะเพิ่มขึ้นจาก 8,950 หน่วยในปี 2559 เป็น 434,404 ในปี 2568 ที่อัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) 61.2% .
ซึ่งการเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสมีส่วนเร่งอัตราการยอมรับการใช้งานของโคบอทเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น จีนและสหรัฐอเมริกา
ข้อดีในการทำงานของ Cobot
Cobot (collaborative robots) สามารถจัดการกับงานที่มักจะต้องใช้แรงงานหนัก เช่น การขนถ่ายหรือการจัดเรียงพาเลท โดยใช้งานได้หลากหลายและตั้งโปรแกรมได้สำหรับการป้องกันการชน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากเมื่อเทียบกับหุ่นยนต์แบบเดิมที่ทำงานภายในพื้นที่ที่ต้องรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย Smart cobot ได้ถูกนำมาใช้ในสายการผลิต เช่น packaging, conveyor tracking และการตรวจสอบคุณภาพของสินค้า ส่วนหุ่นยนต์อัจฉริยะที่มี Vision System จะถูกนำมาใช้สำหรับการเคลื่อนย้ายต่างๆ ในโรงงาน เช่น การคัดแยก การหยิบ และการวาง ซึ่งเป็นลักษณะงานที่มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของพนักงาน
บริษัทที่กำลังพัฒนาและก้าวสู่ Smart industry และ Factory 4.0 ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ของโคบอทสำหรับการนำมาใช้งานในกระบวนการผลิตและการจัดการกับวัสดุ ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เช่น machine language และ artificial learning skill ทำให้โคบอทสามารถทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นได้
Robotic process automation (RPA) สามารถสอนให้โคบอทจับ ตีความ และจัดการข้อมูล หรือดำเนินการในงานที่เฉพาะทางและสื่อสารกับระบบอื่นๆ ได้ เช่น การตรวจสอบคุณภาพหรือการทดสอบโปรแกรมที่กำลังถูกนำมาใช้งานแล้วในอุตสาหกรรม LCD/แผง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน ทำให้โคบอทเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเฝ้าระวังโรคเป็นอย่างมาก
Cobots มีตัวเลือกการปรับแต่งมากมายที่จะสามารถเพิ่มจำนวนและประเภทของงานที่ทำได้ สามารถตั้งโปรแกรมเพื่อผสมผสานและจับคู่งานให้เหมาะสมกับโคบอทแต่ละตัวได้ สำหรับโคบอทที่มีขนาดและความสามารถในการโหลดน้ำหนักที่ต่างกัน
อีกหนึ่งความกังวลใจงที่มาจากเสียงของผู้ผลิต นั่นก็คือความต้องการในการปรับตั้งค่า flow งานเพิ่มเติม ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมสำหรับวิศวกรภายในองค์กรตามภายหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะ cobot ที่ดีจะมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ที่สามารถแก้ไข flow งานเองได้ในตัว โดยสามารถตั้งโปรแกรมได้อย่างง่ายดาย ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการเขียนโค้ด
Cobots มีจุดมุ่งหมายในการจัดหาระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการจัดการการผลิตที่ขับเคลื่อนโดยมนุษย์ นำโดยพนักงานระดับกลางและระดับสูง โดยโคบอทที่ปรับแต่งและตั้งค่าโปรแกรมได้ สามารถช่วยรักษาขั้นตอนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและอัตราการใช้กำลังการผลิตได้อย่างมหาศาล
Cobot กับโรงงานแห่งอนาคต
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิกฤตโคโรนาไวรัสนี้จำเป็นต้องมีการคิดล่วงหน้าในส่วนของบริษัทผู้ผลิตในภาคอุตสาหกรรม
ระบบอัตโนมัติของโคบอท ที่รวมกับหุ่นยนต์และ AI เข้าด้วยกันได้กลายเป็นทางเลือกของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องเผชิญกับการระบาดใหญ่และเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก โคบอทยังช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถทำตามมาตรการการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยขึ้นสำหรับพนักงาน ทำให้พนักงานปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับการ social distancing ได้
การจำกัดพื้นที่การทำงานและการ work from home อาจกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตการผลิต ซึ่งอาจไม่ได้ช่วยเสริมสร้างศักยภาพการดำเนินงาน แต่เป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงาน
การจัดการทรัพยากรมนุษย์จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโรงงานในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการออกแบบ การเขียนโปรแกรม การบำรุงรักษาและการควบคุมหุ่นยนต์ ในทางกลับกัน การใช้ Cobot จะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถคิดค้นวิธีการใหม่ๆ ในการบรรลุเป้าหมายในธุรกิจ ซึ่งต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ ในอนาคตต่อไป
เรียบเรียงและแปลข้อมูลจาก : https://www.tm-robot.com/en/blog/covid19_impact_manufacturing_rise_of_cobots/