Collaborative Robots หรือหุ่นยนต์ที่ทำงานร่วมกันกับมนุษย์ เป็นองค์ประกอบหลักในสายการผลิตตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 90 แล้ว แม้ว่าในที่สุดแล้ว ธุรกิจบางแห่งจะนำ Collaborative Robots มาใช้กับกระบวนการอื่นๆ ด้วยก็ได้รับผลประโยชน์เช่นกัน การทำงานแบบอัตโนมัติ ความปลอดภัยของพนักงาน การเพิ่มผลผลิตและอื่น ๆ
เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่ในตอนนี้กำลังปรับเปลี่ยนกระบวนการ ท่ามกลางสภาวะแบบ New Normal จึงจำเป็นต้องมีวิธีการใหม่ๆ สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดประสิทธิผล ในตอนนี้อาจกลายเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากการเว้นระยะห่างระหว่างคนกับคน และการติดต่อสื่อสารที่ลดลงกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับสายการผลิต
แม้กระทั่งก่อนการระบาดของโรค โคบอทได้เข้ามาทำให้สายการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีข้อดีหลายอย่าง โคบอทจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจได้อย่างปลอดภัยในที่สุด
การเว้นระยะห่างระหว่างพนักงาน
ก่อนที่จะเกิดโรคระบาด ที่โรงงานต่างๆ มีพนักงานหลายคนที่ทำงานอยู่ห่างจากกันเพียงไม่กี่ฟุต วันนี้องค์การอนามัยโลกแนะนำให้เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อยหนึ่งเมตร ซึ่งนี่อาจเป็นเรื่องยากสำหรับหลาย ๆ โรงงานที่ต้องการพนักงานหลายคนเพื่อทำงานใกล้กัน
แต่สำหรับโรงงานที่ใช้โคบอท สามารถลดจำนวนพนักงานให้น้อยลง เพื่อรักษาระยะห่างจากกันได้ อีกทั้งโคบอทยังมีความปลอดภัยที่จะทำงานในระยะใกล้เคียงกับมนุษย์ได้ ดังนั้น พวกมันจึงสามารถช่วยเหลืองานบางอย่างได้แทนที่จะมีพนักงานอยู่ใกล้ ๆ กัน
สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยลดจำนวนคนที่ต้องใช้ในโรงงานและลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัสลง แต่โคบอทยังสามารถจัดการงานแบบอัตโนมัติ ทำให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยลง ต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำลง แต่ได้ผลผลิตที่สูงขึ้น
Contactless Production
กรศึกษาที่ตีพิมพ์ใน New England Journal Of Medicine พบว่าไวรัส Covid-19 สามารถอยู่รอดได้บนพื้นผิวบางอย่างในเวลาหลายชั่วโมงถึงหลายวัน ขึ้นอยู่กับประเภทของพื้นผิว ซึ่งหมายความว่าหากพนักงานสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นก็ทำให้มีโอกาสที่ไวรัสสามารถแพร่กระจายไปยังพนักงานคนอื่นหรือใครก็ตามที่อยู่ในพื้นที่ เพื่อรับผลิตภัณฑ์จากโรงงานไปยังลูกค้าได้
โคบอทช่วยลดความจำเป็นในการสัมผัสระหว่างมนุษย์และผลิตภัณฑ์ ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีความเสี่ยงต่ำมากที่จะปนเปื้อน ซึ่งจะช่วยลดจำนวนพื้นผิวที่สามารถปนเปื้อนได้ เนื่องจากหุ่นยนต์จะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการกับจุดสัมผัส
ผลลัพธ์ที่เพิ่มขึ้น แต่ใช้กำลังคนน้อยลง
การเว้นระยะห่างทำให้โรงงานมีกำลังคนน้อยลง สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้นำโคบอทเข้ากับสายการผลิตนั่นหมายถึงความล่าช้าในการเติมเต็มผลิตภัณฑ์ เนื่องจากมีกำลังคนน้อยในการทำงานบางอย่าง แต่สำหรับโรงงานที่ใช้โคบอทแล้ว นั่นหมายความว่าหุ่นยนต์จะทำงานหนักขึ้นเพื่อชดเชยกำลังคนที่สูญเสียไป
สิ่งนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์หลายๆ อย่างที่มีความต้องการจำนวนมากในช่วงนี้ ซึ่งให้ผลผลิตที่ยังคงสูงเหมือนเดิมแม้จะมีมาตรการด้านความปลอดภัยก็ตาม โคบอทสามารถทำงานติดต่อกันได้ 24 ชั่วโมงในขณะที่ยังคงคุณภาพและความสม่ำเสมอสูงเหมือนหุ่นยนต์อื่นๆ
ซึ่งผู้ที่นำโคบอทเข้ามาใช้งานในสายการผลิตจะพบว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานและผู้บริโภคจะได้รับความปลอดภัยในช่วง New Normal นี้ แต่ สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้นำเข้ามาใช้งาน นี่ถือเป็นข้อพิสูจน์ว่าทำไมอนาคตของการผลิตจึงต้องนำโคบอทเข้ามาจัดการงานอัตโนมัติ เพื่อช่วยป้องกันความเสี่ยงของการติดเชื้อ
แปลและเรียบเรียงข้อมูลจาก : https://www.tm-robot.com/en/blog/the-future-of-production-lines-cobots-vs-covid-19/